ชูก้าไรเดอร์ มาทำความรู้จักกับสัตว์เลี้ยง ที่เป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้

ชูก้าไรเดอร์

ชูก้าไรเดอร์ หรือที่เรารู้จักกันว่า จิงโจ้บิน สัตว์ชนิดนี้มีความเป็นมาอย่างไร?

ชูก้าไรเดอร์ สัตว์เลี้ยงแสนรู้ ที่เรานิยมหามาเลี้ยง กันในปัจจุบันนั้น ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ สุนัข แมว กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ หรือเต่าญี่ปุ่น ยังมีสัตว์อีกมากมาย ที่สามารถเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ให้กับมนุษย์อย่างเราๆได้อีก ในวันนี้เราจะมาพูดถึง สัตว์น้อยน่ารักที่มีชื่อว่า ชูก้าไรเดอร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ จิงโจ้บินนั้นเอง หลายคนที่ไม่รู้จัก

ในครั้งแรกอาจจะมองว่า เจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับกระรอก แต่ความจริงแล้วไม่ใข่อย่างนั้น เจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ในตระกูลมาซูเปี่ยล เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับ จิงโจ้ โคอาล่าเป็นต้น ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่า เป็นสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องนั้นเอง และยังจัดว่าเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดเล็กอีกชนิดหนึ่ง แต่ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กจิ๋วแบบนี้ มีอายุยืนยาวได้ถึง 15ปีเชียวหละ

และความน่าพิศวง ของเจ้าชูก้าตัวนี้คือ เป็นสัตว์ที่ออกหากินตอยกลางคืน และนอนเวลากลางวันนั้นเอง สำหรับการเจริญเติบโตเต็มที่ ของชูก้านั้นจะมีขนาดโดยเฉลี่ย ประมาณเท่าฝ่ามือของคนเท่านั้นเอง และที่เรียกชูก้าว่าจิงโจ้บิน หรือว่ากระรอกบินนั้น เป็นเพราะว่า นอกจากจะมี กระเป๋าหน้าท้องแล้ว ยังมีผังผืดด้านข้าง ที่สามารถกางออกมา เพื่อใช้ในการกระโดด ในลักษณะล่อนได้อีกด้วย

ชูก้าไรเดอร์ กับสายพันธุ์นิยมเลี้ยง ที่คนส่วนใหญ่นำชูก้ามาเลี้ยงกันจะมีพันธุ์อะไรบ้าง?

ชูก้าที่เราเห็นกันอยู่นั้น อาจมีแค่ไม่กี่พันธุ์ แต่ในความจริงแล้ว สายพันธุ์ของมันมีกว่ากว่านั้น แต่ที่เราเห็นกันเพียงแค่ 3สายพันธุ์ เป็นเพราะความนิยม ในการเลี้ยงเท่านั้นเอง และจะมีพันธุ์อะไร หน้าตาเป็นแบบไหน เรามาลองดูกัน เริ่มต้นกันที่ สายพันธุ์แรก อย่างนอมอล โดยสายพันธุ์นี้ คือสายพันธุ์ดั้งเดิม ของชูก้าเลยก็ว่าได้

และเป็นสายพันธุ์ ที่นิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุด โดยนอมอลนี้ จะมีราคาขายที่ถูก กว่าสายพันธุ์อื่นๆด้วย และลักษณะเด่นของนอมอลนี้ นั้นก็คือในทุกๆตัวนั้น จะมีสีของขน และหน้าตาที่เหมือนกัน โดยที่ใบหน้านั้น จะมีลายสีดำสลับน้ำตาล ช่วงท้องด้านในจะออกสีขาว และลายสีดำนั้น จะมีลักษณะยาวตั้งแต่ หัวจรดก้นเลยทีเดียว

หากใครต้องการเป็นเจ้าของ ราคาของเจ้านอมอลนี้ อยู่ที่ประมาณ 800 – 1,200บาท ไม่แพงเลยทีเดียว แต่ต้องบอกก่อนว่า ราคาของตัวเมียจะสูงกว่า ราคาของตัวผู้นั้นเอง มาต่อกันที่สายพันธุ์ไวท์เฟด ซึ่งในสายพันธุ์นี้ ต้องบอกก่อนว่า คล้ายกันกับนอมอลเลย แตกต่างกันตรงที่ ไวท์เฟดนั้น จะมีสีขาวที่ชัดเจนกว่า ในบริเวณของใบหน้า

และช่วงลำตัว ซึ่งถ้าหากไม่ได้สังเกตุอะไร รับประกันได้เลยว่า แยกไม่ออกแน่นอน และในส่วนของราคานั้น จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 1,400บาท ซึ่งแพงกว่านอลมอลไม่มาก ต่อกันที่สายพันธุ์ที่นิยมสุดท้าย ได้แก่สายพันธุ์โมซาอิ ซึ่งฟังดูแล้วต้องออกแนวญี่ปุ่นแน่นอน เรียกได้ว่าเป็น ชูก้าสายพันธุ์พิเศษ โดยจะมีแยกสายพันธุ์ออกมาอีก

ที่จะมาแนะนำในวันนี้คือ แพตตินั่ม โมซาอิ ความพิเศษของสายพันธุ์นี้คือ มีขนของชูก้านั้น จะเป็นสีบลอนเงิน แต่ใช่ว่าสายพันธุ์นี้ จะออกสีบลอนเงินชัดทุกตัวนะ บางตัวก็จะออกสีที่น้อยหน่อย และด้วยความพิเศษนี้เอง ที่ทำให้ราคาของมัน เริ่มต้อนที่ 4,000บาท และยิ่งถ้าตัวไหน มีสีบลอนเงินที่มาก ราคาก็สูงไปได้มากว่านี้อีก หากใครที่ตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะเลือกพันไหนดี ก็หาจับจองกันมาเป็นเจ้าของได้เลย

ชูก้าไรเดอร์ กับอาหารของชูก้า มาดูกันว่าน้องต้องกินแบบไหนกินอย่างไร?

สำหรับการเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดนั้น การให้อาหารก็สำคัญ เพราะถือว่าเป็นการเอาใจใส่ สัตว์เลี้ยงของคุณอย่างดีที่สุดวิธีนึงเช่นกัน เราจึงจะมาแนะนำ การให้อาหารชูก้าที่ถูกต้อง ว่าตั้งแต่เริ่มต้องกินอะไร โตไปต้องกินอะไร เริ่มกันที่อายุแรกเกิด ไปจนถึงอายุ 3เดือน เป็นช่วงเด็กของชูก้า เราจึงแนะนำว่า ให้กินเพียงซีลีแลค เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

และต้องเป็นสูตรของเด็ก แบบสำหรับเริ่มต้นเท่านั้น และการผสมที่ดีที่สุด คือการผสมกับนมแมว หรือนมแพะเท่านั้น ไม่แนะนำให้ทานนมชนิดอื่น เพราะอาจทำให้ เกิดอาการท้องอืดได้ โดยนมทั้งทั้ง 2ชนิดนี้ สามารถหาซื้อได้ ตามร้านขายยาทั่วไป โดยขั้นตอนการผสมนั้น เพียงนำน้ำร้อนมาผสมกับนม แล้วใส่ซีลีแลคลงไป

ใส่ในจำนวนที่ข้นประมาณหนึ่ง แต่ห้ามเหลวไม่งั้น อาจทำให้เกิดอาหารท้องเสียได้ วิธีการป้อน เพียงคุณใช้สลิงดูดอาหาร แล้วอุ้มมาป้อนเท่านั้นเอง และวิธีนี้นั้นสามารถ สร้างความคุ้นเคย ให้กับคุณและสัตว์เลี้ยงของคุณอีกด้วย และหลังจากนั้นพออายุเข้าเดือนที่4 ก็สามารถป้อนผลไม้

ให้กับชูก้าของคุณได้เลย และควรเป็นผลไม้รสหวาน อย่างกล้วยน้ำหว้า หรือแอปเปิ้ลก็ได้ แต่ข้อห้ามในเรื่องของอาหาร ห้ามกินผลไม้ที่มีกลิ่นแรง อย่างทุเรียน ขนุนเป็นต้น และผลไม้ที่อันตรายที่สุด นั้นก็คือองุ่น ที่ห้ามกินโดยเด็ดขาด

ชูก้าไรเดอร์

อยากเลี้ยงชูก้าต้องเตรียมอะไรบ้าง มาดูกันกับอุปกรณ์เลี้ยงชูก้า ว่าต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างไร

การหาที่อยู่ให้สัตว์เลี้ยง เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราต้องทำ หลังจากที่นำกลับมาแล้ว และการหาที่อยู่ให้เหมาะสมนั้น จะทำให้สัตว์เลี้ยงของเรา อยู่อย่างมีความสุขมากขึ้น โดยสัตว์แต่ละชนิด ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เราจึงควรมาดูว่า การหาที่อยู่แบบไหน ที่เหมาะกับชูก้าของเรา เริ่มต้นที่กรงที่ใส่ หากใครที่เลี้ยงชูก้า ตั้งแต่เล็กเราขอแนะนำว่า

หาตระกร้าแบบมีฝาปิด แค่นั้นพอแล้ว เพราะชูก้าเป็นสัตว์ขี้ระแวง และเป็นสัตว์กลางคืน การหาที่มิดชิด และสามารถปิดมืดได้จะดีที่สุด และเพื่อสร้างความคุ้นเคยอีกด้วย ต่อมาผ้าที่รองนอน ควรเป็นผ้านุ่มๆ เพราะมันจะชอบแอบซ่อนตัว อยู่ในผ้าหากกังวลว่า จะสกปรกหรือมีกลิ่นไหม เราควรเตรียมผ้าไว้หลายๆผืน เพื่อที่จะเวียนผ้าไปซัก

ต่อมากันที่อุปกรณ์การให้อาหาร อย่างถ้วยสำหรับชงนม ช้อนเล็ก และสลิงเอาไว้ ดูดอาหารมาป้อนนั้นเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั้นก็คืออุปกรณ์ ที่เอาไว้สำหรับ การทำความสะอาด จะมีตั้งแต่อุปกรณ์ ที่เตรียมไว้สำหรับชูก้า ก็จะมีสำลีหรือทิชชู่เปียก ที่เอาไว้คอยทำความสะอาด ในตอนที่ชูก้าขับถ่ายออกมา กรรไกรตัดเล็บสำหรับสัตว์

เพื่อหมั่นคอยรักษาความสะอาด แต่ในขั้นตอนการตัดนั้น จะต้องระวังอย่างในลึกเกินไป เพราะในเล็บของสัตว์ จะมีเส้นเลือดที่เราอาจมองไม่เห็น ต้องระวังอย่างมาก และหมั่นคอยซักผ้าที่นอนบ่อยๆ เพราะชูก้ามีนิสัยที่ชอบนอน ซุกผ้าที่ฉี่ออกมา หรือในสมัยนี้ ที่จะมีสเปรย์ดับกลิ่น และสำหรับทำความสะอาด อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่พอจะช่วยได้นั้นเอง

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเลี้ยงชูก้า เราควรเตรียมตัวอย่างไร มีอะไรที่ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนบ้าง

การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด เราก็ควรที่จะศึกษา ถึงนิสัยใจคอ วิธีการแลดูอย่างละเอียด เพราะเจ้าสิ่งนี้จะไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่จะเป็นเพื่อของเรา และอีกหนึ่งชีวิต ที่เราต้องรับผิดชอบไปตลอด เพราะฉนั้นเราจะมาพูดถึง การดูแลในแต่ละช่วงอายุ และโรคที่พบได้บ่อยในชูก้า การดูแลในช่วงแรกเกิด ไปจนถึงอายุ 3เดือน ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด

เพราะว่าโรคที่พบได้บ่อย ในสัตว์ชนิดนี้นั้นก็คือ โรคท้องเสีย เพียงแค่ไม่สะอาด การชงนมผสมในอาหาร มีปริมาณที่เหลวเกินไป หรือกินอาหารที่แตกต่าง จากทุกทีที่เคยกินไป เพียงเท่านั้น ก็จะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้แล้ว ในวิธีการรักษา ในเบื้องต้นที่ควรทำ คือการให้กินเกลือแร่ แต่ต้องเน้นย้ำเลยว่า ให้ในปริมาณที่น้อยมากๆเท่านั้น

และคอยสังเกตุอาการจะหายเองได้ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาหารที่หักกว่าเดิม แนะนำว่าควรรีบนำไปพบ สัตวแพทย์โดยด่วย แต่อาการท้องเสียง่ายนั้น จะดีขึ้นและหายไปเอง เมื่อชูก้าอายุตั้งแต่ 4เดือนเป็นต้นไป เห็นไหมว่าที่จริงแล้ว การดูแลสัตว์สักตัวนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่เราต้องมีความใส่ใจ ให้มากเท่านั้นเอง หากไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆ ติดตามเราได้ที่ yamatogreen.com แล้วคุณจะไม่พลาดเรื่องราวสาระดีๆแน่นอน

สุนัขพันธุ์เล็ก

เกมดีบอกต่อชูก้าไรเดอร์